หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2560

คาถาบูชาเจ้าปู่พญานาคาธิบดีศรีสุทโธนาคราช


บทคาถาบูชาเจ้าปู่พญานาคาธิบดีศรีสุทโธนาคราช


นะโมตัสสะภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (สวด ๓ จบ)


เอหิสังคัง ปิโยนาคะ สุปันนานัง มะยัง
กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา เจ้าปู่พญานาคาธิบดีศรีสุทโธนาคราช วิสุทธิเทวาปูเชมิ
ทุติยัมปิ กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา เจ้าปู่พญานาคาธิบดีศรีสุทโธนาคราช วิสุทธิเทวาปูเชมิ
ตะติยัมปิ กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา เจ้าปู่พญานาคาธิบดีศรีสุทโธนาคราช วิสุทธิเทวาปูเชมิ
อะยัง มหานาโค อิทธิมันติ ธุติมันโต อิมิเชกาเลนะ มหานาคัง ปูเชมิ (สวด 3 จบ)


บทคาถาบูชาเจ้าย่านางพญานาคิณีศรีปทุมมา
นะโมตัสสะภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (สวด ๓ จบ)


เอหิสังคัง ปิโยนาคะ สุปันนานัง มะยัง
กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา เจ้าย่านางพญานาคิณีศรีปทุมมา วิสุทธิเทวีปูเชมิ
ทุติยัมปิ กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา เจ้าย่านางพญานาคิณีศรีปทุมมา วิสุทธิเทวีปูเชมิ
ตะติยัมปิ กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา เจ้าย่านางพญานาคิณีศรีปทุมมา วิสุทธิเทวีปูเชมิ
อะยัง มหานาคี อิทธิมันติ ธุติมันโต อิมิเชกาเลนะ มหานาคัง ปูเชมิ (สวด 3 จบ)


บทคาถาบูชาพญาภังคีนาคราช


นะโมตัสสะภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (สวด ๓ จบ)


เอหิสังคัง ปิโยนาคะ สุปันนานัง มะยัง
กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา พญาภังคีนาคราช วิสุทธิเทวาปูเชมิ
ทุติยัมปิ กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา พญาภังคีนาคราช วิสุทธิเทวาปูเชมิ
ตะติยัมปิ กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา พญาภังคีนาคราช วิสุทธิเทวาปูเชมิ
อะยัง มหานาโค อิทธิมันติ ธุติมันโต อิมิเชกาเลนะ มหานาคัง ปูเชมิ (สวด 3 จบ)


บทคาถาบูชาพญานาคทั้งปวง


นะโมตัสสะภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (สวด ๓ จบ)
สัตตะนาคา นาคะราเช อะหังนาคา วิกรึงคะเร อะงะสะ อะหังนุกา (สวด ๗ จบ)


บทคาถาขอทรัพย์พญานาคราช
นะโมตัสสะภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (สวด ๓ จบ)
เมตตัญจะมหาลาโภปิโยนาคะ ขันธปริตตัง (สวด ๓,๕,๗,๙ จบ)


อธิบายเพิ่ม


หลังจากตั้ง นะโม สามจบ ก็เอ่ยพระนามทูลกระหม่อมองค์ที่เราจะ
สวดอธิฐานขอพรท่าน

"กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา เจ้าปู่พญานาคาธิบดีศรีสุทโธนาคราช วิสุทธิเทวาปูเชมิ
กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา เจ้าย่านางพญานาคิณีศรีปทุมมา วิสุทธิเทวีปูเชมิ"
คือเอ่ยพระนามท่านถ้าสวดคนเดียว จะใช้คำว่า อะหัง...(เป็นเอกพจน์)แต่ถ้าพาหมู่...หรือสวดหลายคนก็จะใช้ มะยัง (แปลว่าข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นพหูพจน์)
คำลงท้าย...ปูเชมิ (ปูเช...เป็นคำบาลี ที่คนไทยใช้คือ บูชา) ถ้าสวดสาธยาย
คนเดียวต้องใช้คำว่า มิ...(เป็นเอกพจน์แปลว่าข้าพเจ้าคนเดียว) แต่ถ้าสวดสาธยาย
หลายคนก็จะใช้คำว่า มะ..(เป็นพหูพจน์ คือสวดสาธยายหลายคน)
คำว่า "ทุติยัมปิ...." แปลว่าแม้ครั้งที่สอง คือย้ำเป็นครั้งทีสอง ข้าพเจ้าก็มี
กาย วาจา และใจเคารพน้อมไหว้ (วันทา) พระองค์ท่านอยู่เหมือนเดิม
คำว่า "ตะติยัมปิ..." ก็เหมือนกัน แปลว่าแม้ครั้งที่สาม ข้าพเจ้าก็มี กาย วาจา
และใจเคารพน้อมไหว้ (วันทา ) พระองค์ท่านอยู่เหมือนเดิม คือย้ำถึงความศรัทธาของเรา
ทุติ...ก็เหมือน ทวิ...มาจากคำว่าสอง เหมือน ทวิภพ...ก็คือสองภพ หรือเหมือนการเกิน
สองครั้งอย่างนก อย่างสัตว์ที่ออกมาจากไข่ คือเป็นไข่ครั้งหนึ่ง ออกจากใข่ครั้งหนึ่ง
ก็คือพวกเกิดสองครั้งเป็นทวิภพได้เหมือนกัน เหมือน ทวิภาคี คือการเจรจา สองฝ่ายอะไรอย่างนี้
ตะติ...มาจากคำว่าตรัย...ก็คือ สามอย่างพระรัตนตรัย..คือแก้วสามประการ
ของชาวพุทธทั้งหลาย ฯลฯ ส่วนมนต์คาถาท่อนที่สอง...

เมตตัญจะ....................ขอให้พญานาคราชเมตตาเอ็นดู
มหาลาโภ.....................คือประทานโชคลาภใหญ่
ปิโยนาคะ......................คือขอให้เราเป็นที่รักของพญานาค
ขันธปริตตัง...................คือให้ท่านปกป้องค้มครองกายหยาบของเราด้วยเทอญ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น